สวัสดีค่า
วันนี้มิ้นท์จะมาเม้าท์ Maleficent ที่เป็นที่กรี๊ดกร๊าดของประชาชีมาซักพัก ซึ่งบทความนี้มิ้นท์เคยเอาลง pantip ไปแบ้วแต่ตอนนี้ว่าจะมาเขียนบล๊อคนี้แทนแล้ว ถ้าใครยังไม่ได้ดูและไม่อยากจะโดนสปอยปิดหน้านี้ไปเลย เพราะ สปอย อย่างแรงนะค้า
เริ่มที่เรื่องย่อละเอียดสำหรับคนที่ไม่มีเวลาไปดูหรือดูแล้วและอยากจะรำลึกถึงอีกซักรอบ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว......
เราเตือนคุณแล้ว
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเมืองสองเมืองอยู่ติดกัน
เมืองหนึ่งเป็นเมืองมนุษย์ธรรมดา อีกเมืองเป็นดินแดนแห่งเวทย์มนต์ชื่อว่า มัวส์
วันหนึ่งสเตฟาน เด็กชายซึ่งพยายามจะขโมยหินแม่น้ำจากมัวส์ได้รู้จักกับมาลิฟิเซนท์และกลายมาเป็นเพื่อนกันเรื่อยมา
ในวันเกิดครบสิบหกปีของมาลิฟิเซนท์
สเตฟานได้มอบ(ที่เขาบอกว่า)จุมพิตแห่งรักแท้ให้แก่เธอ
แต่หลังจากนั้นสเตฟานก็หายไปหลงระเริงกับโลกมนุษย์ ส่วนมาลิฟิเซนท์เติบโตขึ้นเป็นนางฟ้าผู้พิทักษ์แห่งมัวส์
พระราชาแห่งเมืองมนุษย์จ้องจะบุกมัวส์แต่ไม่สามารถทำสำเร็จเพราะมาลิฟิเซนท์และกองทัพมัวส์คอบกันไว้
พระราชาจึงออกคำสั่งว่าใครที่สามารถฆ่ามาลิฟิเซนท์ได้จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์
สตีเฟนผู้ละโมบในอำนาจจึงไปหาแม่นางมาลี ทำท่าว่าหวังดีเตือนให้ระวังตัวแล้วก็หลอกให้ดื่มยานอนหลับ
เสร็จแล้วก็ตัดปีกนางไป
มาลิฟิเซนท์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดโกรธแค้นและเข้าสู่ด้านดาร์ก นางช่วยชีวิตอีกาตัวหนึ่งไว้และมันกลายมาเป็นผู้ช่วยคอยบอกเหตุการณ์ต่างๆให้นาง(เป็นตัวปล่อยมุขของเรื่องด้วย)
หลังจากสเตฟานขึ้นครองราชย์ ราชินีก็ประสูติพระธิดา แน่นอนว่าเธอไม่ได้ถูกรับเชิญไปพิธีจุ่มของเจ้าหญิงออโรร่า
แล้วเหตุการณ์ก็เหมือนในการ์ตูนนั่นคือ ผู้คนมากมายมาร่วมยินดีที่พิธี
นางฟ้าทั้งสามมาร่วมอวยพร แต่ก่อนที่นางฟ้าองค์สุดท้ายจะให้พร มาลิฟิเซนท์ก็ปรากฎตัวขึ้นและสาปให้ในวันเกิดครบสิบหกปี
เจ้าหญิงจะถูกเข็มปั่นด้ายแทงนิ้วและนอนหลับเหมือนตาย
มีเพียงจุมพิตจากรักแท้เท่านั้นที่ถอนคำสาปได้ เป็นการตบหน้าสเตฟานสวยๆแต่โดนเต็มๆ
หลังจากนั้นนางฟ้าทั้งสามก็พาออโรร่าไปอยู่ที่กระท่อมกลางป่า แต่มีหรือที่นางฟ้า(ติ๊งต๊อง)ทั้งสามที่ปกติวันๆเอาแต่บินไปบินมาและคุยกับดอกไม้จะสามารถเลี้ยงดูเด็กได้
หนำซ้ำมาลิฟิเซ้นท์ยังหากระท่อมเจอตั้งแต่วันแรกที่พวกนางมาถึงแล้ว ไม่ได้เจอเพราะนางฟ้าเสกสีใส่ชุดราตรี
มาลิฟิเซนท์ทนสกิลการเลี้ยงเด็กของสามนางฟ้าไม่ได้ นางจึงคอยแอบช่วยเลี้ยงออโรร่า
เช่น ให้อีกาเอานมไปให้
เสกเถาวัลย์ให้รับตัวออโรร่าไว้ตอนนางวิ่งตามผีเสื้อจนตกหน้าผาขณะที่สามนางฟ้ากำลังนั่งเม้าท์มอยส์
โดยทั้งหมดนี้สามนางฟ้าไม่รู้เรื่องอะไรเล้ยแถมยังถูกมาลิฟิเซ้นท์แกล้งเสกฝนใส่อีกด้วย
กล่าวถึงราชาสเตฟาน หลังจากที่มาลิฟิเซนท์ปรากฎตัวในวันนั้น เขาสั่งให้เอาเครื่องปั่นด้ายทุกเครื่องในอาณาจักรมาเผาทิ้งและตามล่ามาลิฟิเซนท์
คือสเตฟานเหมือนจะสติฟั่นเฟื่อนในนานวันเข้า เขามักจะนั่งคุยกับปีกที่ขโมยมา
ขนาดพระราชินีจะตายยังไม่สนใจ
เวลาล่วงมาจนเกือบจะครบสิบหกปี วันหนึ่งออโรร่าไปด้อมๆมองๆด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ป่าหนามซึ่งมาลิฟิเซนท์สร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องมัวส์จากการรุกรานของทหารที่สเตฟานส่งมา
มาลิฟิเซ้นท์จึงทำให้นางหลับใหลและพาเข้าไปในมัวส์เพื่อให้นางได้เล่นสนุกในนั้น
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ออโรร่าเหลือบไปเห็นมาลิฟิเซนท์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืด
เจ้าหญิงก็เรียกให้มาลิฟิเซนท์ออกมา มาลิฟิเซนท์เลยสนองความต้องการ แต่แทนที่เจ้าหญิงจะกลัว
นางกลับยิ้มแย้มดีใจ เรียกแม่นางว่านางฟ้าแม่ทูนหัว ผู้คอยดูแลนางมาตลอดทั้งชีวิต
มาลิฟิเซนท์ก็เอ๋อสิ ที่ผ่านมาเธอเป็นนางฟ้าปีศาจ มีแต่คนกลัวเธอ
แต่แม่หนูคนนี้กลับดีใจที่ได้เจอเธอ
หลังจากนั้นมาลิฟิเซนท์ก็พาออโรร่ามาเล่นที่มัวส์ทุกคืนและพากลับไปส่งที่เตียง
มาลิฟิเซนท์รู้ตัวว่าหลงรักแม่หนูออโรร่าเข้าให้แล้ว จึงถอนคำสาปแต่คำสาปไม่สามารถลบเลือนได้เพราะตอนสาป
นางพูดว่า “อำนาจใดก็ไม่สามารถถอนคำสาปได้”
ในวันก่อนวันเกิดครบสิบหกปี ออโรร่าบังเอิญเจอเจ้าชายฟิลิปที่กลางป่า
ทั้งสองก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง
ก่อนที่ออโรร่ากลับกระท่อมไปบอกป้านางฟ้าว่าตนตัดสินใจไปอยู่ที่มัวส์
พวกป้าๆเลยเผลอหลุดความลับเรื่องฐานะที่แท้จริงและคำสาป เจ้าหญิงเลยหัวใจสลายที่นางฟ้าแม่ทูนหัวของเธอกลับกลายเป็นคนสาปเธอ
ออโรร่าตรงกลับวังไปกอดเสด็จพ่อสเตฟาน แต่สเตฟานซึ่งแทบจะไม่สนใจเธอ
สั่งขังเธอไว้ในห้อง แล้วกลับไปเตรียมตัวสู้กับมาลิฟิเซนท์แทน แต่คำสาปก็เป็นคำสาป
เธอโดนเข็มทิ่มนิ้วและหลับไป
มาลิฟิเซนท์ผู้ไม่เชื่อในรักแท้จึงฝากความหวังไว้กับเจ้าชายฟิลิป แต่ออโรร่าไม่ฟื้น
มาลิฟิเซนท์หัวใจสลาย เธอบอกกับเจ้าหญิงผู้หลับใหลว่า
เธอเสียใจกับเรื่องทั้งหมดและจะคิดถึงออโรร่า ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากเจ้าหญิง
โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ออโรร่าตื่นขึ้นมาจากรักแท้ที่มาลิฟิเซนท์มีให้แก่เธอ
ไม่ใช่ความรักหนุ่มสาวแต่เป็นความรักประหนึ่งแม่ลูก (แล้วเจ้าชายชั้นล่ะ ม่ายยยยยยยย)
ระหว่างทางกลับมัวส์ ทหารและสเตฟานโจมตีมาลิฟิเซนท์ด้วยอาวุธที่ทำจากโลหะกันนางฟ้าทำให้มาลิฟิเซนท์เสียเปรียบเป็นอย่างมาก
ยังดีที่เธอเสกอีกาเป็นมังกร แต่ในขณะที่สเตฟานกำลังจะฆ่าเธอ
ออโรร่าซึ่งหลบไปอยู่ในห้องเก็บปีกได้ผลักกล้องแก้วใส่ปีกแตก (และปีกก็บินไปหาเจ้าของเองด้วยวุ้ย)
มาลิฟิเซนท์จึงกลับมามีปีกอีกครั้ง นางบินลากสเตฟานขึ้นไปบนหอคอย เพื่อจบการต่อสู้
แต่สเตฟานไม่ยอมจบสุดท้ายจึงตกหอคอยตาย
ต่อมา ออโรร่ากลายมาเป็นราชินีของทั้งเมืองมนุษย์และมัวส์
ยุติความบาดหมางของสองเมือง ส่วนมาลิฟิเซนท์ก็กลับมามีปีกอีกครั้ง
And they lived happily ever after
END
ต่อไปจะเป็นรีวิวกึ่งๆสปอย
-
การแสดงของแองเจลิน่า โจลี้นั้นสะพรึงมาก
ทำให้เราเชื่อว่านางคือมาลิฟิเซนท์จริงๆ เป้ะเว่อร์ๆ แค่ยืนเฉยๆก็สะพรึงละ
-
เรารู้สึกว่า Elle Fanning ไม่ค่อยเหมาะกับการแสดงเป็นออโรร่าเท่าไหร่
คือนางน่ารักนะแต่ชมว่าสวยได้ไม่เต็มปาก
แล้วเรารู้สึกว่าออโรร่าต้องสวยมากกว่าน่ารัก แต่การแสดงของนางดีนะ ดูเพลินดี
เห็นแล้วเกลียดไม่ลง แต่เพื่อนไต้หวันกระซิบว่า Dakota พี่สาวนางแสดงเก่งกว่า
-
เจ้าชายฟิลิปหล่อมาก
ตอนโผล่เข้ามาในฉากครั้งแรกแล้วแบบ เง้อ...หล่อง่ะ
ตอนนั้นเพ้อไปว่าออโรร่าคือชั้นนี่หว่า 555 เหมาะกับบทมาก
เสียดายบทและความสำคัญน้อยไปหน่อย เอ่อ ผมยาวไปนิดด้วยนะ
-
เจ้าหญิงนิทราเวอร์ชั่นนี้ นางฟ้าติ๊งต๊องน่ารำคาญ
เห็นแล้วอยากจะเตะลงหีบ ฮ่าๆๆๆๆ
ฉะนั้นตอนที่มาลิฟิเซ้นท์แกล้งเสกฝนใส่นางฟ้าทั้งสาม ชั้นโคดสะใจเลยว่ะ555
-
CG ดีมาก ฉากและคอสตูมอลังการสุดๆ
-
ฉากต่อสู้มันส์มาก
-
ฉากพิธีจุ่มเป็นฉากที่ออกมาจากการ์ตูน มาลิฟิเซนท์เดินกรีดกรายได้สง่าสพรึง
ปลาบปลื้มกับฉากนี้จริงๆ ส่วนตัวคิดว่าเป็นฉากไฮไลท์ของหนังเรื่องนี้เลย
-
เพลง Once upon a dream ร้องโดย Lana Del Rey นักร้อง Gothic ที่ร้องได้สยองมาก
-
เรื่องนี้ทำให้รู้จักมาลิฟิเซนท์มากขึ้น
เราได้รู้ว่านางไม่ได้เคร่งเครียดซีเรียสตลอดเวลา นางเป็นคนมีอารมณ์ขันนะ
ยิ่งฉากสนทนากับอีกาคู่ใจ
-
ชอบมุขหน้าตายของเรื่องนี้มาก
-
ความจริงตอนรู้ว่าทำไมมาลิฟิเซนท์ถึงโกรธแค้นพระราชาขนาดนั้น
แอบเชียร์ให้นางร้ายให้สุดขั้ว ดาร์กลึกๆไปเลยให้สมกับที่มันมาหลอก
-
เข้าใจนะว่าเรื่องอยากจะเล่นกับประเด็นของ True love แบบแม่ลูก
แต่ส่วนตัวคิดว่าการที่เจ้าชายจุมพิตเจ้าหญิงนิทราแล้วฟื้นมันอมตะเกินกว่าจะบิดเบือนอะ
ใครที่เคยดู Frozen แล้วจะเดาทางออกตั้งแต่เนิ่นๆและ Frozen เล่นกับประเด็นนี้ได้ดีกว่า
เราลองคิดเล่นๆว่ามันจะดีกว่านี้ถ้าเจ้าชายเป็นคนถอนคำสาปแต่ออโรร่าแกล้งหลับเพราะรู้ว่ามาลิฟิเซนท์อยู่แถวนั้นและอยากรู้ว่านางจะพูดอะไร
(นางเคยบอกว่า your shadow follows me everywhere) มาลิฟิเซนท์ไม่ต้องเป็นคนปลุกออโรร่าจากนิทรา
เราก็รู้แล้วว่านางรักออโรร่าจะตาย (ตั้งแต่ช่วยไว้ตอนนางวิ่งตกหน้าผา)
ขนาดเป็นลูกคนที่ทำให้นางเจ็บขนาดนั้น
-
ประเด็น you can’t marry a guy you just met for a
day ก็ถูกเอามายำใส่ไว้ในเรื่องนี้ด้วย
คือเจ้าชายกับออโรร่ามันจะรักกันในวันเดียวได้ไงวะ เพิ่งเจอกันเอง .....แต่เค้าเป็นเนื้อคู่กันนะยูว
หยวนๆน่า เอาดิสนีย์โลกสวยของตรูคืนมา!!!
-
บางทีท่าไม่มีเรื่อง
Frozen
ที่เล่นกับสองประเด็นข้างบนไว้แล้ว
เราอาจจะปลาบปลื้มสองตีมนี้ก็ได้
-
แอบงงว่ามาลิฟิเซนท์จะแอบตามไปนั่งเฝ้าออโรร่าทำไมตอนแรกๆ
มาคิดๆดูแล้วเดาว่านางเป็นคนดีเกินกว่าจะปล่อยให้เด็กคนหนึ่งตายเพราะพี่เลี้ยงนางฟ้ากิ๊กก๊อก
-
ออโรร่า พ่อหล่อนตาย หล่อนไม่เศร้าเลยเรอะ
อันนี้หลายคนเคยถามไว้ พอมานั่งตรึกตรองดู อืมมม นางคงไม่มีความผูกพันธ์กับพ่อ
เพราะเข้าใจว่าพ่อตายมานาน แถมพอเจอกัน พ่อนางไม่พูดพล่ำทำเพลงขังนางไว้ในห้อง
แถมยังจะฆ่าคนที่คอยดูแลนางมาทั้งชีวิตอีก หนำซ้ำถ้ารู้ว่าพ่อนางทำอะไรไว้กับมาลิฟิเซนท์บ้าง
นางอาจจะนอยด์กับพ่อตัวเองก็ได้ แต่นะ ถ้าหนังใส่ตัวอักษร a year later อะไรงี้ไว้ มันน่าจะสมบูรณ์มากขึ้น
-
เจ้าชายเรื่องนี้เป็นตัวประกอบ ราชินีก็ด้วย
ยังไม่เห็นหน้าชัดๆเลย 555
-
แม่นางมาลี
ชั้นพึ่งรู้ว่าเธอเป็นญาติกับแคทวูแมน ใส่ชุดรัดรูปสีดำสู้ตอนท้าย
-
นางฟ้าในเวอร์ชั่นนี้เปลี่ยนชื่อจากเวอร์ชั้นการ์ตูน
ตอนให้พรในการ์ตูนเรียงจากนางสีชมพู นางสีเขียว แล้วค่อยนางสีฟ้า แต่ในหนัง นางสีฟ้าให้เป็นคนที่สอง
-
หนังสั้นไปนะ (เอาจริงๆไม่อยากให้มันจบหรอก
ฮ่าๆๆๆ) ตอนจบน่าจะยาวกว่านี้นิดนึง
ขอจบบล๊อคนี้เพียงเท่านี้นะคะ
สวัสดีค่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น